นุ่งขาวห่มขาว... ทำไมยังมีกิเลส

#

ผู้ปฏิบัติธรรมหลายท่านไม่กล้าบอกใครว่าตนเองปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะผู้ที่มีชื่อเสียงอย่างนักแสดง ด้วยกลัวคนจะหาว่าเป็นพวกธรรมะธัมโม ทำอะไรผิดนิดผิดหน่อยก็จะโดนจับผิดจากคนอื่นได้ หรือไม่ก็เห็นว่าบางคนเข้าวัดปฏิบัติธรรม นุ่งขาวห่มขาว แต่เมื่อกลับถึงบ้านก็ยังใจร้อน ขี้โมโห ด่าว่าคนในบ้านเหมือนเดิม ทำให้หลายคนรู้สึกไม่ศรัทธาต่อผู้ปฏิบัติธรรม

แม่ชีอยากบอกว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แปลว่าสติของเขายังอ่อน เป็นเพราะว่าธรรมชาติจิตมันไม่เที่ยง มันมักจะไหลลง เวลาอยู่กับครูบาอาจารย์ วิริยะดี สติดี สมาธิตั้งมั่น ปัญญาญาณดี แต่เมื่อกลับไปบ้านแล้วไม่ได้ทำต่อเนื่อง เมื่อไม่เพียรต่อเนื่อง เปรียบได้กับคนที่ระหว่างอยู่ในหลักสูตรกินข้าวเป็นเวลา ร่างกายก็แข็งแรง แต่พอจบหลักสูตรกลับบ้านไปแล้ว กินข้าวไม่เป็นเวลา ร่างกายก็เริ่มป่วย ป่วยทั้งกาย ป่วยทั้งใจ ภูมิต้านทานลดต่ำลง ซึ่งเป็นเรื่องงปกติธรรมดาของปุถุชน

แม้กระทั่งพระอริยบุคคลระดับพระโสดาบันก็ยังอดว่ากล่าว อดบ่นพึมพำกับลูกหลานไม่ได้ ไม่ใช่ว่าพระโสดาบันจะหยุดว่าหยุดบ่นได้แล้วนะ แต่ที่ยังบ่นนั้น เป็นเพราะอยากให้เขาได้ดี ไม่ได้บ่นเพราะความเกลียด โกรธ อาฆาตพยาบาท ส่วนสกิคาทามีก็ยังมีเผลอบ่นอยู่บ้าง แต่จะตัดได้ว่องไวกว่าพระโสดาบัน แต่ถ้าเป็นอคานามี ท่านอมยิ้มแล้ว เพราะตัดได้ไวยิ่งขึ้นไปกว่าสกิคาทามี การที่นึกถึงความตายก็ช่วยทำให้ตัดอุปาทาน ตัดความยึดมั่นถือมั่นว่าคนนี้ลูกเรา คนนี้สามีเรา อันนี้ของเรา ตัดได้เพราะยอมรับความจริง เลยไม่ทุกข์ เรียกว่าทรงอยู่ในระดับอุเบกขาญาณ มีเอกัคคตารมณ์ได้เต็มกำลัง หรือจิตมีอิสระจากความยึดมั่นถือมั่นนั่นเอง ถึงอมยิ้มได้ คือเห็นคนอื่นทุกข์ แต่ท่านก็ไม่ทุกข์ไปกับเขา เพราะยอมรับความจริงว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

ฉะนั้น ถ้าคนไม่เรียนพระสูตรก็จะเข้าใจวว่าคนที่นุ่งขาวห่มขาวน่าจะหมดกิเลส แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะการหมดกิเลสไม่ได้เกี่ยวกับคนที่นุ่งขาวห่มขาว แต่อยู่ที่การเจริญสติเพื่อจะได้รู้ถึงอาสวะที่ยังเหลืออยู่ ถ้าไม่เจริญสติให้ต่อเนื่องจะไม่เท่าทันอกุศลที่เกิดขึ้น กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เผลอพูดไม่ดี เผลอทำไม่ดี เผลอคิดไม่ดีไปเสียแล้ว แสดงว่าปัญญายังไม่เกิด ถึงได้เบรกไม่ทัน

ถ้าเราพบคนลักษณะนี้ควรมีเมตตาแก่เขา ถ้าเรายังมีกิเลสเหมือนเขาก็ไม่ควรไปตำหนิเขา ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ปฏิบัติธรรมมาแล้วก็ตาม แต่อย่าลืมว่าเขาก็ยังมีกิเลสให้ต้องฝึกพิจารณา ฝึกให้มีสติรู้ทันกิเลสที่เกิดขึ้น และฝึกที่จะละกิเลสให้เบาบางลงไปเรื่อยๆ เตือนตัวเองที่จะไม่พูดให้เขาสะเทือนใจ ไม่จำเป็นต้องไปติเตียนผู้อื่น